ทันตกรรมรากฟันเทียม

image002

รากฟันเทียม (implants) คือ รากฟันที่ทำจากโลหะ เพื่อใช้ทดแทนส่วนที่เป็นรากฟันของฟันธรรมชาติ ที่สูญเสียไป โดยรากฟันเทียมนี้จะดูเหมือนและให้ความรู้สึกใกล้เคียงฟันธรรมชาติที่สุด เมื่อจำแนกโดยดูจากกระบวนการแล้ว การปลูกรากฟันเทียมจัดเป็นศาสตร์ทางด้านทันตกรรมประดิษฐ์ และยังถือว่าเป็นการทันตกรรมเพื่อความงามได้เช่นกัน

 

ทำรากฟันเทียม เพื่อ

1. เพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป ไม่ให้มีผลกระทบต่อฟันข้างเคียง

2. เพื่อช่วยเป็นหลักยึดให้กับสะพานฟันเพื่อลดการใส่ฟันปลอมบางส่วนชนิดถอดได้

3. เพื่อเป็นหลักยึดให้กับฟันปลอมเพื่อให้การใส่ฟันปลอมมีความมั่นคงขึ้น

 

ข้อดีของการทำรากฟันเทียม

มีความเป็นธรรมชาติมากกว่าคนที่ใช้ฟันปลอม หรือทำสะพานฟันครับ และยังช่วยเรื่องการบดเคี้ยวอาหารได้ดีกว่า และไม่ต้องกังวลว่าจะมาหลุดเหมือนฟันปลอมครับ

ขั้นตอนการทำรากเทียม

1. ทันตแพทย์ทำการตรวจ X-Ray ประเมินความหนาของ soft tissue ที่อยู่บนสันเหงือก จากนั้นก็จะผ่าตัดและฝังตัวรากเทียมที่ผลิตมาจากแท่งไทเทนเนียมบริสุทธิ์ลงไปในกระดูก เย็บปิดปากแผล หลังจากนั้น 7 วัน ทันตแพทย์จะนัดตัดไหมที่เย็บออก และให้คนไข้รอเวลา เพื่อให้รากเทียมยึดติดกับกระดูกขากรรไกรได้ดี สำหรับฟันบน ใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน และ 2-3 เดือน สำหรับฟันล่าง
2. เมื่อรากเทียมยึดติดกับกระดูกขากรรไกรดีแล้ว ทันตแพทย์จะทำการต่อเดือยรองรับครอบฟัน (Abutment) เพื่อใช้เป็นที่รองรับครอบฟัน และพิมพ์ปากเพื่อส่งให้ Lab ทำครอบฟัน โดยครอบฟันนั้นทำมาจากวัสดุเซรามิค (porcelain)
3. หลังจากนั้นประมาณ 1-4 สัปดาห์ ทันตแพทย์จะใส่ครอบฟันให้ ซึ่งจะมีรูปร่างลักษณะ และสีสวยงามเหมือนฟันธรรมชาติ และ ทำหน้าที่ในการบดเคี้ยวได้ใกล้เคียงฟันธรรมชาติมาก
4. ทันตแพทย์จะนัดตรวจเช็คอีก 1 เดือน 2 เดือน และ 6 เดือน เพื่อตรวจดูประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวให้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ สามารถรับประทานอาหารได้ทุกชนิด ทำความสะอาดได้ง่าย

 

การดูแลรักษาฟันเทียม

ดูแลปกติเหมือนกับฟันธรรมชาติที่เรามีแม้ว่ารากฟันเทียมอาจไม่กลัวเรื่องฟันผุเลยเพราะทำมากโลหะแต่ถึงกระนั้นก็ตามก็ยังต้องระวังเหมือนการดูแลในฟันธรรมชาติคือโรคเหงือกอักเสบเพราะถ้าดูแลไม่ถูกต้องจนเป็นโรคเหงือกอักเสบเรื้อรังส่งผลให้กระดูกรองรับรากฟันละลายทำให้ขาดกระดูกรองรับรากฟันที่เพียงพอผลสุดท้ายก็จะทำให้ฟันซี่นั้นๆ ที่มีรากเทียมรองรับโยก และเกิดการสูญเสียไปในที่สุด

ควรจะไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คฟัน และรากฟันเทียม ทุกๆ 6 เดือน

ไม่ควรสูบบุหรี่ เพราะคราบบุหรี่ที่ไปเกาะที่รากเทียม อาจทำให้กระดูกที่อยู่รอบๆรากฟันเทียมเกิดการอักเสบ กระดูกละลาย สุดท้ายรากเทียมจะโยก และมีโอกาสหลุดได้